ต่อมาคุณลุงก็เริ่มทำธุรกิจและประสบความสำเร็จ กลายเป็นนักธุรกิจดัง ครอบครัวคุณลุงนับว่าร่ำรวยที่สุดในหมู่ญาติ พวกเขามีเงินมากพอที่จะกินของต่าง ๆ ซื้อบ้าน ซื้อรถ และส่งลูก ๆ เรียนโรงเรียนอินเตอร์ ทุกครั้งที่ในหมู่บ้านมีการยกตัวอย่างคนที่ก้าวข้ามความลำบากจนร่ำรวยได้ หัวหน้าหมู่บ้านก็มักจะพูดถึงชื่อคุณลุงของเขาเสมอ ทำให้คุณลุงกลายมาเป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้าน
แต่เพราะคุณลุงงานยุ่ง ทำให้ค่อนข้างห่างเหินจากคนในหมู่บ้านไปและแทบไม่ได้กลับมาบ้านเกิด มีครั้งหนึ่งที่ครอบครัวคุณลุงกลับมาที่หมู่บ้านช่วงวันหยุดฤดูร้อน เด็ก ๆ ในหมู่บ้านก็พากันออกไปดูรถหรูราคาแพง แต่กลับถูกคุณลุงดุทันที คุณลุงยังบอกลูก ๆ ตัวเองไม่ให้เล่นกับเด็กในหมู่บ้าน เพราะกลัวว่าจะชวนกันเล่นจนไม่สนใจการเรียน ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าเด็ก ๆ กลับไปเล่าให้พ่อแม่ฟังกันยังไง ตัวเขารู้เพียงว่านับตั้งแต่นั้น คนในหมู่บ้านก็แทบไม่ได้ทักทายคุณลุงอย่างกระตือรือร้นแบบก่อนหน้านี้แล้ว
ระหว่างช่วงปีใหม่ คุณลุงก็อยู่ที่หมู่บ้านไม่นาน คุณลุงอ้างว่าตัวเองคุ้นชินกับบรรยากาศในเมือง เลยอยู่ที่หมู่บ้านแค่ 1 วันแล้วก็กลับทันที ไม่ได้อยู่อวยพรปีใหม่ใคร ไม่ได้ไปทักทายเพื่อนบ้านที่เคยช่วยเหลือตัวเอง
ก่อนหน้านี้พ่อของตนก็เคยไปเตือนลุงแล้ว แต่คุณลุงก็เมินเฉย เพราะคิดว่าคงไม่มีใครจำเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตได้ อีกทั้งเศษเงินไม่กี่เหรียญก็ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แม้แต่ตอนที่คนในหมู่บ้านมีงานศพหรืองานแต่งงาน คุณลุงก็ไม่เคยโผล่มา อ้างว่าตัวเองอยู่ไกลบ้าง หรือไม่คุ้นเคยกับคนพวกนั้นบ้าง
จนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ลูกชายคนโตของคุณลุงแต่งงาน ซึ่งตามธรรมเนียมจะต้องกลับมาจัดงานเลี้ยงฉลองที่หมู่บ้านของฝั่งเจ้าบ่าว คุณลุงขอให้ญาติ ๆ ช่วยนำการ์ดไปแจกจ่ายให้คนในหมู่บ้าน แม้แต่คนที่คุณลุงไม่ได้คุ้นเคยหรือคุยด้วยก็ล้วนได้รับเชิญหมด ตอนนั้นพ่อของเขาแนะนำคุณลุงให้จัดงานขนาดกลาง ๆ พอ เนื่องจากคุณลุงจากบ้านเกิดไปนานแล้ว นอกจากคนในครอบครัว ชาวบ้านก็คงไม่คุ้นกับเขาแล้ว
แต่คุณลุงไม่รับฟัง และคิดว่าด้วยภาพลักษณ์ของตัวเองที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ จะต้องจัดงานให้ใหญ่โตสมฐานะ ลูกสะใภ้จะได้รู้สึกเคารพ ด้วยเหตุนี้คุณลุงเลยจ้างบริษัทจากในเมืองมาจัดงานถึงชนบท เตรียมโต๊ะจีนไว้ 100 ตัว พร้อมตกแต่งงานอย่างหรูหรา คุณลุงมั่นใจว่านี่ต้องเป็นงานที่ยิ่งใหญ่สุดเท่าที่เคยจัดในหมู่บ้าน
ทว่าเมื่อถึงวันงาน กลับไม่มีคนในหมู่บ้านมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว โต๊ะจีนมี 100 ตัว แต่ญาติเจ้าบ่าวกับเพื่อนสนิทนั่งกันเพียง 10 ตัว บรรยากาศช่างเงียบงัน เขาเห็นสภาพภายในงานแล้วก็ประหลาดใจ ตอนแรกยังนึกว่าชาวบ้านจำวันผิด ขณะที่ลูกชายคุณลุงรู้สึกขายหน้ามาก ๆ ทำได้แค่เดินเข้า-ออกงานอย่างสับสน ขณะที่คุณลุงหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด เอาแต่กล่าวโทษชาวบ้าน
เพียงคนเดียวที่ไม่ประหลาดใจคือพ่อของเขา ตอนนั้นพ่อเดินไปตบไหล่คุณลุง บอกว่า “พี่ไม่ควรโทษชาวบ้าน แต่ควรรู้สึกละอายใจ ชาวบ้านเห็นคุณค่าของความกตัญญูมาก พี่ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับพวกเขา ไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเขาดี ๆ แล้วจะขอให้พวกเขาตอบแทนอะไรได้”
“อย่าคิดว่าพี่แค่รวยนิดหน่อยแล้วจะดีกว่าคนอื่น ไม่ว่าพี่จะทำอะไร จำเอาไว้ให้ดีว่าตัวเองมาจากที่ไหน”
คุณลุงได้ฟังก็อึ้งไปและไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร หลังจากนั้นพ่อของเขากับคนอื่น ๆ ในครอบครัวก็ต้องใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนในหมู่บ้าน เรียกคนให้มาร่วมงานกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้งานล่มจนฝั่งเจ้าบ่าวเสียหน้า สุดท้ายงานเลี้ยงแต่งงานก็ผ่านพ้นไปได้ ทุกคนได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่คุณลุงยังคงนั่งเงียบ ราวกับคนที่เพิ่งได้รับบทเรียนสำคัญจากการกระทำของคนในหมู่บ้าน
ทั้งนี้ เขาก็หวังว่าลูกของคุณลุงจะไม่ได้รับแผลใจจากเหตุการณ์นี้ และนี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่เขาได้เห็นว่าการปฏิบัติกับคนอื่น ๆ มีความสำคัญแค่ไหน ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองแต่ยังเพื่อลูกหลานในครอบครัวด้วย
ขอบคุณที่มาจาก : เศรษฐีจัดงานแต่งลูกชาย โต๊ะจีน 100 ตัว แต่กลับไม่มีใครมา